โรงเรียนสร้างสุข
ณัฏฐ์นรี โสภากันต์
นักเรียนไทยมีปัญหา
“เบื่อ-เครียด-ทุกข์” ตกอยู่ในภาวะที่นักวิชาการเรียกว่า
“โรคสมองบวม” ซึ่งเป็นวาทกรรมของนักการศึกษาโดยจะเห็นได้จากการที่
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านได้ให้ความคิดเห็นว่า “ปรากฏการณ์โรงเรียนเด็กในเมือง
มีความรุนแรง มีสภาพสังคมน่าเบื่อมาก น่าเป็นห่วง
ทั้งที่โรงเรียนควรเป็นสถานที่เปิด มีความสนุกสนาน เด็กไปโรงเรียน
แล้วได้ไปหาสังคม ไปหาเพื่อน แต่กลับกลายเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อหน่าย” โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล เป็นอีกโรงเรียนที่เกิดปัญหาข้างต้น
ก่อนโครงการวิจัย
“รูปแบบกิจกรรมเสริมเพื่อสร้างความสุขในการเรียนการสอนแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร” ของ อาจารย์ณัฏฐ์นรี โสภากันต์ และคณะ จะเข้าไปสร้างกระบวนวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในโรงเรียน
ผู้บริหารคนปัจจุบันผู้อำนวยการชาตรี ประดุจชนม์ คณะครู และนักเรียน
กำลังเผชิญกับความเหน็ดเหนื่อยจนไม่สามารถเก็บอาการที่แสดงออกมาได้ ซ้ำร้ายนักเรียนบ้างคนยังต่อต้านความทุกข์ด้วยการสร้างปัญหาเรื่องชู้สาว
ยาเสพติด
หรือการแสดงอาการไม่สนใจเรียนแต่ทางโรงเรียนก็ได้หาทางออกอย่างไม่มีจุดหมายไม่มีทิศทางไม่มีรูปแบบ
ยิ่งแก้ปัญหา ความรุนแรงของปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
เมื่อนักวิจัยได้ดำเนินการโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ตั้งแต่การสรรหาอาสาสมัครนักวิจัยในพื้นที่
การค้นหาโจทย์วิจัยจากปัญหาของคนในพื้นที่
การสำรวจข้อมูลที่เป็นทุนเดิมของโรงเรียนและพื้นที่รอบโรงเรียน
การสำรวจปัญหาและอุปสรรค จึงพบปัญหาที่แท้จริงที่ทีมวิจัยทุกคนไม่คาดคิด
ปัญหานั้นคือ โรงเรียนมีความทุกข์ ซึ่งคำว่าโรงเรียนในที่นี้หมายถึง
ผู้บริหาร ครู และนักเรียน อีกทั้งเจ้าความทุกข์ที่ว่ายังส่งผลให้ครูทุกข์ที่สอนนักเรียนให้ดีไม่ได้ นักเรียนทุกข์เพราะติด 0 ร มศ. ผู้ปกครองทุกข์เพราะคาดหวังกับลูกและฝากความหวังไว้กับโรงเรียน
เมื่อมีทุกข์ก็ต้องมีทางดับทุกข์
ทีมวิจัยได้หาวิธีการดับทุกข์ของโรงเรียนจากหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา เรื่อง ศีล-สมาธิ-ปัญญา ทีมวิจัยเชื่อว่าถ้าผู้ใดถึงพร้อมด้วยสมาธิแล้วย่อมก่อเกิดปัญญาได้ง่าย ทีมวิจัยได้ร่วมกันวางแผนและออกแบบกิจกรรมเสริมที่คิดว่าสร้างความสุขให้โรงเรียน
ด้วยกิจกรรมเสริมสร้างสมาธิ ที่เรียกกันว่า เบรนด์ ยิม (Brain gym)เป็นกิจกรรมการบริหารสมองช่วยพัฒนาเส้นประสาทตามแนวทางธรรมชาติด้วยการ
เคลื่อนไหว โดยเริ่มปฏิบัติการกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
ที่หน้าเสาธงทุกเช้า 5-10 นาที ก่อนทำกิจกรรมหน้าเสาธง ผลการทดลองในสัปดาห์แรกพบว่า
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น
มีความสุขในการเข้าแถวและชอบกิจกรรมเสริมเรียกสมาธิ เบรนด์ ยิม (Brain gym) จนทำให้คนทั้งโรงเรียนเห็นความสำคัญของการทำสมาธิถึงกับแพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนเกิดเป็นโรคระบาดความสุข
โรงเรียนยังไม่หยุดการสร้างสรรค์กิจกรรมสร้างสุขแต่เพียงเท่านี้ มีการออกแบบกิจกรรมเสริมที่สร้างความสุขให้กับโรงเรียนในรูปแบบต่างๆ
และอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น
กิจกรรมทัศนศึกษานอกสถานที่เป็นกิจกรรมที่โรงเรียนทำทุกปีแต่ปีนี้มีข้อแตกต่างที่นักเรียนมีความสุขและสนุกกับกิจกรรมมากขึ้น
ได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากสถานที่นักเรียนในแต่ละกลุ่มที่จะไปพวกเขาเป็นผู้เลือกเอง
ประกอบกับครูได้ใช้แนวคิดการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมทำให้นักเรียนได้แสดงออกมากยิ่งขึ้น
กล้าเสนอแนวความคิดเห็น เกิดการเรียนรู้จากการได้ปฏิบัติการจริง
จน ณ ปัจจุบันนี้โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูลก็เป็นโรงเรียนสร้างสุข
ไปเสียแล้ว
โรงเรียนสร้างสุขแห่งนี้ยังไม่หยุดกิจกรรมเสริมแต่เพียงเท่านี้
หลังจากที่ปิดโครงการวิจัยแล้วโรงเรียนสร้างสุขแห่งนี้ได้คิดกิจกรรมเสริมที่สลับกับเบรนด์
ยิมคือกิจกรรมเต้นรำท่าประจำกลุ่มอาเซียน
ขอกระซิบบอกว่าประเทศแรกที่เลือกคือประเทศ สปป.ลาว ชื่อท่าเต้นคือ บาสโล๊ป(PASLOP) ลักษณะท่าเต้นเหมาะกับการฝึกสมาธิเสียจริงๆแถมยังมีจังหวะจะโคนที่สนุกสนานอีกต่างหาก คุณครูและนักเรียนบางส่วนซ้อมเต้นกันแล้ว ตอนนี้ทุกคนก็เฝ้ารอเวลาให้โรงเรียนเปิดภาคเรียนใหม่เพื่อจะได้มาทำกิจกรรมเสริมอย่างมีความสุขร่วมกันอีกครั้ง
ขอกระซิบบอกว่าประเทศแรกที่เลือกคือประเทศ สปป.ลาว ชื่อท่าเต้นคือ บาสโล๊ป(PASLOP) ลักษณะท่าเต้นเหมาะกับการฝึกสมาธิเสียจริงๆแถมยังมีจังหวะจะโคนที่สนุกสนานอีกต่างหาก คุณครูและนักเรียนบางส่วนซ้อมเต้นกันแล้ว ตอนนี้ทุกคนก็เฝ้ารอเวลาให้โรงเรียนเปิดภาคเรียนใหม่เพื่อจะได้มาทำกิจกรรมเสริมอย่างมีความสุขร่วมกันอีกครั้ง
กระบวนการวิจัยที่ถูกฝังชิพ
ณัฏฐ์นรี โสภากันต์
“พี่คิดว่า พี่จะเลิกทำผลงานทางวิชาการชิ้นนี้แล้วเชียวน๊ะ แต่พอพี่ได้ร่วมทีมวิจัยแล้วพี่ก็เห็นทางสว่างในการทำผลงานทางวิชาการของพี่ให้เสร็จแล้วละ” นั้นเป็นคำบอกเล่าเชิงพร่ำบ่นของอาจารย์นุศรา สุพร รองผู้อำนวยการโรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล หนึ่งในทีมนักวิจัยโครงการวิจัย “รูปแบบกิจกรรมเสริมเพื่อสร้างความสุขในการเรียนการสอนแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร” เมื่อโครงการวิจัย ได้ขับเคลื่อนตามกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมได้สักระยะหนึ่งแล้ว
ผนวกเข้ากับปัญหาของ
ครูและนักเรียนในโรงเรียนที่ต้องดูแล
ที่มีปัญหาที่แตกต่างกัน อาทิเช่น
ปัญหาเรื่องชู้สาวของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น
ปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องการไม่ตั้งใจเรียนของนักเรียนส่งผลให้ได้ผลการเรียนเป็น
0 ร มส. ปัญหาของครูที่มีความทุกข์ไม่ต้องการนำนักเรียนไปเข้าร่วมกิจกรรมกับจังหวัดและบ่อยครั้งมักเป็นคำสั่งเร่งด่วน
ครูให้เหตุผลว่าสอนไม่ทัน เตรียมตัวไม่ทัน
และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่จะต้องแก้ไข
เมื่องานวิจัย“รูปแบบกิจกรรมเสริมเพื่อสร้างความสุขในการเรียนการสอนแก่ครูและนักเรียนฯ” ที่มีอาจารย์ณัฏฐ์นรี โสภากันต์ เป็นหัวหน้าโครงการ ได้เข้ามาปฏิบัติการร่วมกันทั้งนักวิชาการที่เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
วิทยาเขตมุกดาหารและคณะครู นักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การหาอาสาสมัครนักวิจัยในพื้นที่
การค้นหาโจทย์วิจัยจากปัญหาของคนในพื้นที่
การสำรวจข้อมูลที่เป็นทุนเดิมของโรงเรียนและพื้นที่รอบโรงเรียน
การสำรวจปัญหาและอุปสรรค ซึ่งในช่วงที่มีการหาอาสาสมัครนักวิจัยในพื้นที่
รองผู้อำนวยการนุศรา สุพร ก็เป็นหนึ่งในอาสาสมัคร
ถ้าเปรียบเทียบแล้วทีมวิจัยในพื้นที่ก็เป็นเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยังไม่มีชิพแล้ววันหนึ่งก็มีนักคอมพิวเตอร์อย่างนักวิจัยถือซิพกระบวนการ วิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ไปฝังให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจนก่อเกิดประโยชน์อันอเนกอนันต์ต่อวงการศึกษาและประเทศชาติเฉกเช่น ผลงานทางวิชาการเรื่อง “รายงานการพัฒนาครูด้านการผลิตและใช้สื่อเทคโนโลยีการศึกษาในกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล
จังหวัดมุกดาหาร” ของ รองผู้อำนวยการนุศรา สุพร ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดได้จากเว็บไซต์
http://www.secondary22.obec.go.th/view.php?article_id=3415
ผู้เขียนจึงขอเรียกงานวิจัยที่ใช้กระบวนวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้ว่า “กระบวนวิจัยแบบฝังชิพ” และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชิพดังกล่าวที่ถูกฝังคงถูกใช้ประโยชน์ในการต่อยอดเป็นผลงานที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาและประเทศชาติสืบไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น